เมนู

เกิดขึ้นแล้วในกาลอัน ๆ อีก อาจริยวาท
เหล่านั้น พระคันถรจนาจารย์ท่านไม่ประสงค์
จะกล่าวไว้ในที่นี้.


พระราชาผู้ทรงธรรม


ก็พระราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรมทรงพระนามว่า พระเจ้าอโศก ผู้มี
ศรัทธาอันได้เฉพาะแล้วในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายอาจริยวาททั้ง 18
นิกายที่มีมาในกาลก่อน จึงทรงสละพระราชทรัพย์วันละห้าแสนทุก ๆ
วัน คือเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า 1 แสน เพื่อบูชาพระธรรมเจ้า 1 แสน
เพื่อบูชาพระสังฆเจ้า 1 แสน เพื่ออาจารย์ของพระองค์ ชื่อว่านิโครธ-
เถระ 1 แสน และเพื่อให้สำเร็จประโยชน์จากยารักษาโรค ที่ประตู
ทั้ง 4 อีก 1 แสน ได้ให้ลาภสักการะอันมากมายเป็นไปในพระพุทธ-
ศาสนาแล้ว. เดียรถีย์ทั้งหลาย คือ นักบวชนอกพระพุทธศาสนาได้เป็น
ผู้เสื่อมจากลาภสักการะทั้งปวง ไม่ได้อะไรเลยโดยที่สุด แม้แต่อาหาร
หรือผ้าสำหรับปกปิดร่างกาย เมื่อพวกเขาต้องการลาภสักการะอยู่ จึงพา
กันไปบวชในสำนักพระภิกษุทั้งหลายและแล้วก็แสดงทิฏฐิ คือ ความเห็น
ของตน ๆ ว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา
ดังนี้ แม้เมื่อเขาเหล่านั้นไม่ได้การบรรพชาตามประสงค์ เขาก็พากัน
โกนผม นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เอาเองนั่นแหล่ะ ได้พากันเที่ยวไปใน
วิหารทั้งหลาย และได้เข้าไปสู่ท่ามกลางสงฆ์ในกาลเป็นที่กระทำซึ่งอุโบ-
สถกรรมเป็นต้น. พวกเดียรถีย์เหล่านั้น แม้ถูกภิกษุสงฆ์ติเตียนอยู่โดย

ธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ คือ คำสั่งสอนของพระศาสดา ก็ไม่
อาจตั้งอยู่ในข้อปฏิบัติอันสมควรแก่พระธรรมวินัยได้ กลับยังเสนียด
มลทินและเสี้ยนหนามมากมายให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา คือ บาง
พวกก็บำเรอไฟ บางพวกก็ย่างตนในความร้อน 5 อย่าง บางพวกก็แหงน
หน้าตามดูพระอาทิตย์เรื่อยไป บางพวกก็คิดมุ่งมาดว่า เราจักทำลาย
ธรรมและวินัยของพวกท่าน ดังนี้ ต่างก็พากันพยายามแล้วโดยอาการ
นั้น ๆ. ในกาลครั้งนั้น พระภิกษุสงฆ์ไม่ยอมทำอุโบสถและปวารณาร่วม
กับพวกเดียรถีย์เหล่านั้น. ในอโศการามขาดอุโบสถกรรมไปถึง 7 ปี.
พระราชาแม้ทรงพยายามอยู่ด้วยความปรารถนาว่า เราจักให้สงฆ์กระทำ
อุโบสถกรรมด้วยพระราชอาชญา ก็ไม่อาจเพื่อกระทำได้. ครั้นเมื่อ
พวกภิกษุมิใช่น้อย ถูกอำมาตย์ผู้เป็นพาล ผู้เห็นผิดประหารชีวิตแล้ว
ความเร่าร้อนก็ได้เกิดแก่พระราชาผู้ทรงธรรม. พระองค์เป็นผู้ปรารถนา
เพื่อจะระงับความเดือดร้อนอันนั้น และเสนียดมลทินที่เกิดขึ้นในพระ-
ศาสนานั้น จึงตรัสถามพระสงฆ์ว่า ใครหนอเป็นผู้สามารถในคดีนี้
ทรงสดับว่า ข้าแต่มหาราช พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ได้ทรงรับสั่งให้
พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระมาจากอโธคงคาบรรพตตามคำของสงฆ์ ได้
เป็นผู้หมดความสงสัยด้วยอานุภาพของพระเถระที่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์
จึงตรัสถามความรำคาญใจของพระองค์ ได้ยังความวิปฏิสารให้สงบระงับ
ลงแล้ว. แม้พระเถระก็อยู่กับพระราชาในพระราชอุทยานนั่นแหละ ได้
ให้พระราชาศึกษาลัทธิสมัยตลอด 7 วัน.

กุสโลบายการคัดเลือกลัทธิที่เป็นธรรมวาที


พระราชาผู้มีลัทธิที่ทรงศึกษาเสร็จแล้ว ก็รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์
ทั้งหลายมาประชุมกันในอโศการามในวันที่ 7. แล้วทรงรับสั่งให้กั้นม่าน
เป็นกำแพงรอบด้าน และทรงประทับนั่งภายในกำแพงม่าน ทรงให้
รวมภิกษุทั้งหลายผู้มีลัทธิอย่างเดียวกันให้อยู่เป็นพวก ๆ และรับสั่งให้
ภิกษุเข้าไปเฝ้าทีละพวก ๆ แล้วรับสั่งถามว่า ภนฺเต กึวาที สมฺมา-
สมฺพุทฺโธ
แปลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีวาทะอย่างไร ?
ลำดับนั้น พวกสัสสตวาที คือ ผู้มีวาทะว่า อัตตาและโลกเที่ยง
ก็ทูลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีวาทะว่า อัตตาและโลกเที่ยง.
พวก เอกัจจสัสสตทิฏฐิ คือ พวกที่มีความเห็นว่า บางอย่าง
เที่ยง ก็ทูลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีวาทะว่า เที่ยงแต่บางอย่าง.
พวก อันตานันติกทิฏฐิ คือ พวกที่มีความเห็นว่า โลกมีที่สุด
ก็มี ไม่มีที่สุดก็มี ก็ทูลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีวาทะว่า
โลกมีที่สุด และไม่มีที่สุด.
พวก อมราวิกเขปิกาทิฏฐิ คือ พวกที่มีความเห็นว่า มีวาทะดิ้น
ได้ไม่ตายตัว ก็ทูลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีวาทะดิ้นได้ไม่
ตายตัว.
พวก อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ คือ พวกที่มีความเห็นว่า อัตตา
และโลกเกิดขึ้นเอง ก็ทูลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีวาทะว่า
อัตตาและโลกเกิดขึ้นเอง.